วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

กาแฟสด


http://www.dek-d.com/tag/กาแฟ/

          กาแฟสดเป็นเมล็ดกาแฟที่เก็บมาจากต้นสดๆ ที่ผ่านการคั่วตามสูตรของแต่ละที่เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติตามที่เราต้องการ ซึ่งมีทั้งการคั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้ม ถ้าเราอยากได้กาแฟที่มีรสชาติเข้มและขมต้องคั่วกาแฟให้นานขึ้นไปอีก แต่ไม่ควรคั่วนานเกินไปเพราจะทำให้กาแฟไหม้ได้
          เมล็ดกาแฟสดที่ผ่านการคั่วมาแล้วจะมีน้ำมันอยู่ภายในเมล็ดแต่ละเมล็ด เมื่อเรายิ่งเก็บไว้นานน้ำมันในเมล็ดจะค่อยๆ ระเหยไป ความหอมของกาแฟก็จะหายไปด้วย
          เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วแล้วจะมีอายุการใช้งานไม่เกิน 4-6 สัปดาห์ แต่ก็แล้วแต่การบรรจุอีกทีหนึ่ง อย่างเช่นการบรรจุกระป๋องใส่แก๊สไนโตรเจนจะอยู่ได้สูงสุด 3 ปี หากบรรจุลงถุงพลาสติกฟอยด์ที่มี วันเวย์ วาล์ว (one-way valve)เก็บได้ประมาณ 6 สัปดาห์ บรรจุลงพลาสติกฟอยด์ธรรมดามีอายุประมาณ 1 เดือน และถ้าหากเราบรรจุลงถุงกระดาษอยู่ได้แค่ 15 วัน แต่ถ้าจะถามว่ารสชาติของเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดอยู่ในช่วงไหน ตอบได้เลยว่า หลังจากวันที่คั่ว 2-3 วัน 

กาแฟผงสำเร็จรูป (Instant coffee)



http://www.lovekopica.com/article/view/ตำนาน%20การค้นพบกาแฟสำเร็จรูป%20และความแตกต่างกับกาแฟสด


          กาแฟผงสำเร็จรูป เกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค..1901 เป็นกาแฟที่ถูกสกัดแห้งและละลายน้ำได้ ถูกคิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ญี่ปุ่น ชื่อ Satori Kato กาแฟชนิดนี้ถูกนำไปใช้โดยคณะสำรวจขั้วโลก ทวิปอาร์ติก ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังได้รับความนิยมในเวลาต่อมาเนื่องจากว่าเป็นกาแฟที่ชงง่าย เพียงแค่เรานำไปละลายกับน้ำร้อนเท่านั้น วิธีการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูปนี้มี 2 แบบคือ
          1. การผลิตในระบบพ่นแห้ง (Spray drying) เป็นการนำเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วไปต้มแล้วพ่นน้ำกาแฟเป็นฝอยละเอียดผ่านไปในอากาศร้อน น้ำจะถูกระเหยออกไปเหลืองเพียงแต่ผงกาแฟที่ละเอียด แต่เมื่อเราทำกระบวนการนี้ซ้ำๆ กันอย่างต่อเนื่อง กาแฟที่ได้ก็จะเป็นผงละเอียดที่ลักษณะเป็นเกล็ดฟูขึ้นมา สามารถละลายน้ำได้ดีกว่า

          2. การผลิตระบบเย็น (Freeze drying) เป็นการนำน้ำกาแฟเข้มข้นที่แช่เย็นไว้ที่จุดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งภายใต้ความดันสูงจนน้ำกาแฟเป็นเกล็ด เพื่อระเหยน้ำออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเปลี่ยนสภาพ เราก็จะได้กาแฟที่อยู่ในรูปเกล็ดแข็งที่สามารถเก็บรักษากลิ่นหอม และรสชาติกาแฟได้ดี สำหรับคนที่ชื่นชอบความหอมของกาแฟ แนะนำเป็นกาแฟตัวนี้ค่ะ

ชนิดของกาแฟ

     
http://www.hrdi.or.th/HighlandDevelop/detail/2127/

      กว่าที่เราจะได้กาแฟที่มีกลิ่นหอม รสชาติอร่อยนั้น เราต้องเริ่มจากการคัดเลือกเมล็ดกาแฟก่อน ซึ่งมาจากต้นกาแฟที่มีมากกว่า 50 สายพันธุ์ ในทั่วประเทศ แต่สายพันธุ์หลัก ๆ ที่ได้รับความนิยมมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ
      1. อาราบิก้า (Arabica) เป็นเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ดีที่ได้การยอมรับมากที่สุดจากผู้บริโภค เพราะให้รสชาติกลมกล่อม นุ่มลิ้น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า พันธุ์อาราบิก้าจะนิยมปลูกในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 - 3,000 ฟุต ส่วนใหญ่ปลูกทางภาคเหนือของบ้านเรา
    2. โรบัสต้า (Robusta) เป็นพันธุ์กาแฟที่เติบโตง่ายและทนทาน ส่วนใหญ่ปลูกในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มาก ปลูกในประเทศแถบร้อนชื้น และทางภาคใต้ของไทยที่มีฝนชุกตลอดทั้งปี ด้วยการที่สายพันธุ์โรบัสต้าเติบโตได้ง่าย จึงทำให้มีการผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากต่อปี และมีราคาที่ถูกกว่าสายพันธุ์อาราบิก้า จึงนิยมนำไปผลิตเป็นกาแฟผงสำเร็จ หรือใช้เป็นส่วนผสมของเอสเปรสโซ่แบบผสมค่ะ